โป๊กเกอร์ (Poker) เป็นเกมไพ่รูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมเล่น และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นเกมที่เล่นกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ด้วยไพ่ 1 สำรับ สามารถมีผู้ชนะมากกว่า 1 คนได้ในกรณีที่เสมอ การเล่นจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันโดยไม่มีเจ้ามือ มีรูปแบบการเล่นประยุกต์หลายรูปแบบทั้ง Texas Hold’em, Omaha, 7/5 Stud และ Mix game แบบอื่น ๆ ที่ให้ความสนุกแตกต่างกันไป
วิธีการเล่นโป๊กเกอร์ นั้นไม่ได้ยากเลย ใช้เวลาศึกษาตัวเกมไม่นานก็จะเข้าใจถึงวิธีการเล่น แต่การจะเล่นให้เก่ง และชนะบ่อย ๆ นั้นค่อนข้างต้องใช้เวลาฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เพราะโป๊กเกอร์ไม่ใช่เกมที่ใช้แค่ดวงในการเล่น แต่ยังต้องใช้ทักษะการคำนวณ การหลอกล่อ การคาดคะเนผล จนนักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพยกให้เกมไพ่นี้เป็นกีฬามากกว่าการพนัน
ผู้อ่านที่สนใจจะหัดเล่น โป๊กเกอร์ จะต้องศึกษารายละเอียดเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับเกมซะก่อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราเล่นได้ดี ผู้เล่นคนอื่นจะไม่มองว่าเราเป็นมืออ่อนอีกด้วย พื้นฐานที่ผู้เล่นใหม่ควรจะรู้ก่อนเริ่มเล่นมี 4 ส่วนดังต่อไปนี้
อันดับแรกผู้เล่นควรจะรู้ก่อนว่าคำพูดต่าง ๆ ใน เกมไพ่โป๊กเกอร์ มันหมายถึงอะไร เพราะโป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่มีการนิยามคำศัพท์เพื่อมาใช้เฉพาะในเกม ทั้งในเรื่องของการดำเนินเกม การบอกตำแหน่ง การวัดผลต่าง ๆ ซึ่งคำศัพท์เบื้องต้นที่ควรรู้มีดังต่อไปนี้
คำศัพท์ดำเนินเกม
- Call คือ การลงเงินเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบปัจจุบัน เรียกง่ายๆ ว่า ตาม นั่นเอง เช่น มีผู้เล่น 1 คนลงเดิมพัน 10 หน่วยซึ่งสูงสุดบนโต๊ะ การ call เราก็จะลงเงินเท่ากับ 10 หน่วย
- Check คือ การขอผ่านรอบ โดยการจะผ่านได้จำเป็นต้องมีเงินเดิมพันเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะก่อน ถ้ามีคน Raise มาเราก็ต้อง call ให้เท่าเงินสูงสุดก่อนจึงจะ check ได้
- Raise คือ การเพิ่มเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะให้สูงขึ้น ผู้เล่นที่ต้องการจะแข่งในรอบต่อๆ ไปจำเป็นต้องเพิ่มเงินเดิมพันให้เท่ากันทุกคน
- Fold คือ การทิ้งไพ่บนมือ กรณีที่ไม่ต้องการจะเล่น จะทิ้งรอบไหนก็ได้ตามต้องการ แต่เงินที่ได้ลงเดิมพันไปแล้วจากรอบที่ผ่านมาจะไม่ได้คืน
- All-In คือ การลงเดิมพันแบบหมดหน้าตัก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นบางคนมั่นใจในไพ่ตัวเองมากๆ หรือต้องการขู่ หรือจะลงในกรณีที่เงินเดิมพันเหลือน้อยแล้ว และกรณีที่เงินเดิมพันมีไม่พอ หากชนะเงินรางวัลที่ได้จะได้ตามจำนวนที่ลงไปเท่านั้น
- Bet คือ เงินเดิมพัน
- Pot คือ เงินเดิมพันจากผู้เล่นแต่ละคนที่รวมไว้เป็นกองกลาง ผู้ที่ชนะจะได้ไป
คำศัพท์บอกตำแหน่ง
- Button คือ ปุ่มหรือสัญลักษณ์เอาไว้บอกตำแหน่งของผู้เล่น ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามทิศทางตามเข็มนาฬิกา
- Big blind (BB) คือ ผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันตามที่เกมกำหนดแบบเต็มจำนวน เช่น โต๊ะกำหนดว่าให้ลง 10 หน่วย ก็จะต้องลงสิบหน่วยแบบบังคับ
- Small blind (SB) คือ ผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันตามที่เกมกำหนด แต่ตำแหน่งนี้จ่ายแค่ครึ่งจำนวนเท่านั้น เช่น กำหนด 10 หน่วย จะลงเพียง 5 หน่วยเท่านั้น
- Dealer คือ ผู้เล่นที่จะได้เล่นคนสุดท้ายในเกม เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะจะสามารถดูผู้เล่นคนอื่นเล่นก่อนได้
ใน การเล่นไพ่โป๊กเกอร์ แต่ละรอบจะมีการลงเดิมพันแข่งขันกันมากกว่า 1 ครั้ง โดยการเดิมพันจะเริ่มตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม และหลังจากแจกไพ่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะแจกไพ่ครบตามจำนวนที่กติกานั้น ๆ กำหนด จากนั้นผู้เล่นจะนำไพ่บนมือของตัวเองประกอบกับไพ่บนโต๊ะเป็นไพ่ชุด 2 ถึง 5 ใบที่เรียงแบบต่าง ๆ ตามลำดับไพ่ของเกมที่จะกล่าวในส่วนถัดไป ใครที่มีชุดไพ่คะแนนมากที่สุดก็จะชนะไป ก็จะเป็นการจบ 1 รอบเกม ยกตัวอย่างวิธีการเล่นแบบ Texas hold’em ดังนี้
- เริ่มเกมผู้เล่นที่มี Button BB และ SB จะต้องลงเงินตามเรทที่เกมกำหนด
- ผู้ดำเนินเกมจะแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนโดยเริ่มจาก Big blind วนไปจนถึงคนสุดท้ายคนละ 2 ใบ
- ผู้เล่นทุกคนดูไพ่บนมือของตัวเอง จากนั้นเริ่มการเดิมพันรอบแรก โดย Big blind จะเริ่มเล่นก่อน วนตามเข็มนาฬากาไปจนถึงคนสุดท้ายที่ถือ Button Dealer จะเล่นเป็นคนสุดท้าย ผู้เล่นแต่ละคนมีทางเลือกในการเล่นคือ Fold, Call, Raise และ Check
- ผู้เล่นจะต้องเล่นด้วย 4 ตัวเลือกจนกว่าเงินเดิมพันกองหน้าตัวเองจะเท่ากันกับผู้เล่นทุกคนจึงจะเล่นรอบต่อไปได้ เมื่อเดิมพันเท่ากัน และครบทุกคนแล้วก็เริ่มรอบต่อไป
- ผู้ดำเนินเกมจะเริ่มเปิดไพ่ 3 ใบจากกองลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า Flob) เป็นไพ่กองกลางที่ผู้เล่นจะเอาไพ่บนมือมาประกอบเป็นผลคะแนน เมื่อเปิดไพ่เสร็จแล้วผู้เล่นจะเริ่มเดิมพันรอบที่สอง ด้วย 4 ตัวเลือกเช่นเดิม จนกว่าผู้เล่นทุกคนจะเดิมพันเท่ากัน และนำเงินเดิมพันทั้งหมดไปกองรวมกันเป็นเงิน Pot จากนั้นจะเริ่มรอบต่อไป
- ผู้ดำเนินเกมเปิดไพ่อีก 1 ใบลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า Turn) เริ่มเดิมพันรอบที่สามผู้เล่นดำเนินการด้วย 4 ตัวเลือกเช่นเดิม
- ผู้ดำเนินเกม เปิดไพ่ใบสุดท้าย ลงบนโต๊ะแบบหงาย (เรียกว่า River) รอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เมื่อเปิดแล้วจะเริ่มเดิมพันรอบสุดท้าย ผู้เล่นที่ยังคงเล่นอยู่จะนำไพ่บนมือ 2 ใบ และไพ่บนโต๊ะ 5 ใบประกอบเป็นชุดไพ่เพื่อวัดผลคะแนนกัน ผู้เล่นที่ไพ่มีคะแนนมากที่สุดก็จะชนะ ได้เงินจาก Pot และเงินเดิมพันบนโต๊ะล่าสุดไปทั้งหมด จบรอบเกม
พื้นฐาน Poker คะแนนของไพ่จะมีเรียงจากคะแนนสูงสุดไปน้อยสุดดังนี้
- A – Ace มีคะแนนสูงที่สุด กรณีเป็นไพ่เรียง มีค่า 1 คะแนนสำหรับการนับคะแนนไพ่
- K – King มี 13 คะแนน
- Q – Queen มี 12 คะแนน
- J – Jack มี 11 คะแนน
- Point – ไพ่คะแนนที่มีคะแนนตามหน้าไพ่ 10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3 และ 2
ลำดับของดอกไพ่เอาไว้ใช้วัดคะแนนกันกรณีที่เกิดคะแนนของไพ่เท่ากัน โดยเรียงจากสูงสุดไปหาเล็กสุดดังนี้
- โพธิดำ ( ♠ )
- โพธิแดง ( ♥ )
- ข้าวหลามตัด ( ♦ )
- ดอกจิก ( ♣ )
สรุปการเรียงไพ่จากคะแนนมากที่สุดไปยังน้อยสุดให้ดูง่ายๆ ดังนี้ Royal flush>Straight flush>Four of kind>Full house>Flush>Straight>Three of kind>Two pair>One pair>High card
แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมว่าโป๊กเกอร์เป็น เกมไพ่ ที่ไม่ใด้ใช้แค่ดวงเป็นหลัก การล่อหลอก หรือการอ่านทางไพ่ จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดในเกม ถ้าไพ่คุณไม่สูงที่สุดก็ยังมีโอกาสที่ผู้เล่นอื่นจะยังสูงได้มากกว่า
เป็นยังไงบ้างสำหรับ บทความพื้นฐาน Poker จริง ๆ ในด้านของวิธีเล่นแล้วจะมีส่วนที่ยุ่งยากในเรื่องของลำดับไพ่ที่ต้องจำเท่านั้นเอง การเล่นจริง ๆ นั้นไม่ได้ยากเลย แต่การจะเล่นให้ชนะเป็นอะไรที่ยากกว่า เพราะโป๊กเกอร์เป็นเกมที่เล่นประชันกันระหว่างผู้เล่นกับผู้เล่น และยังใช้เทคนิคมากมายช่วยให้โอกาสชนะสูงขึ้นได้ ถ้าท่านอยากจะชนะก็ต้องศึกษาเทคนิคเพิ่มเติมด้วยนะครับ ขอให้สนุกกับ เกมโป๊กเกอร์ สำหรับบทความนี้เราขอจบเพียงเท่านี้ครับ